ประวัติ
ประวัติของดักลาส แมคเกรเกอร์
Douglas Murray McGregor (1906 -1964) เขาเกิดปี1906 ในเมืองชายแดนที่คึกคักของดีทรอยต์,
มิชิแกนเมื่อเขาเรียน High School เขาไดเ้ล่นเปียโน และทำงานเป็นเสมียนกลางคืนที่สถาบัน the McGregorไปด้วย สถาบันthe McGregor เป็นสถาบันขอครอบครัวเขา ที่มีพนักงานชั่วคราวกว่า100คน
อายุ17เขาได้เข้าเรียนในระดับปริญญาจิตวิทยาที่วิทยาลัยWayne State University เมืองดีทรอยต์
อายุ 19 เขาตัดสินใจพักการเรียน เพื่อแต่งงาน และเป็นผู้ดูแลสถานีน้ำมันในฟัฟฟาโล
ปี 1930 เขาได้ย้ายสถานีน้ำมันให้มีมากข้ึน
ปี 1932 เขาไดย้ายไปศึกษาต่อที่ Cambridge, Massachusetts
ปี 1935 เขาได้ศึกษาที่ฮาวาร์ดศึกษาต่อ MA และปริญญาเอกทางจิตวิทยา หลังจากเรียนจบแล้วเขาก็ได้อยู่เป็นอาจารยส์อนจิตวทิยาที่ฮาวาร์ดต่ออีก2ปี จากั้นมาสอนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซทหรือMIT ฐานะอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยา เนื่องจากตำแหน่งที่เพิ่มข้ึนทำให้เขาย้ายเข้ามาเป็นศาสตราจารย์สอนทางจิตวิทยาและเป็นผู้บริหารหารระดับสูงในส่วนของแผนกความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรมของ MIT และในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักจิตวิทยาสังคม
ปี 1947 เมื่อเขาอายุได้41 เขาได้กลายเป็นประธานของวิทยาลัย Antitioch
ปี 1960 ชื่อของเขาเป็นที่รู้จกัจากการเข้าไปเชื่อมโยงกับทฤษฎีY ที่เขาได้กล่าวไว้นในหนังสือเรื่อง
“Managing the Human Side of Enterprise”
ในช่วงฤดูร้อน ปี1964 เขาได้ใช้เวลาเขียนต้นฉบับซึ่งถูกตีพิมพ์หลังจากเขาตายในเดือนตุลาคมชื่อ เรื่อง
“The Professional Manager ” แม้ว่า Douglas McGregor จะหัวใจวายตายอย่างกระทันด้วยอายุแค่58ปีแต่ Douglas McGregor 4
ทฤษฎีไม้แข็ง (X Theory) และทฤษฎีไม้นวม (Y Theory )
ของเขาก็ยงัเป็นที่ความคิดก็ทำให้เขาได้ข้ึนชื่อว่าป็น"ผู้บุกเบิกการบริหารจัดการ" ผู้คิดค้นทฤษฎี X และทฤษฎีY
ทฤษฎี X (Theory X) คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควรใช้มาตรการบังคับ มีระเบียบ
กฎเกณฑ์คอยกำกับ มีการควบคุมการทำงานอย่างใกลชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก
ทฤษฎี Y (Theory Y) คือคนประเภทขยัน ควรมีการกา หนดหน้าที่การงานที่เหมาะสม
ท้าทายความสามารถ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสใหม้ีส่วนร่วมในการ
บริหารงาน
1.www.historiadaadministracao.com.
2. www.runan6.com
3. http://webhost.tsu.ac.th
4. หนังสือจิตวิทยาอุตสาหกรรม
5. หนังสือ “The Human Side of Enterprise”
6. www.guru.google.co.th
7. www.pondza7.blog
8. www.idis.ru.th
9. www.gotoknow.org
10. www.novablzz.com
ทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของแมคเกรเกอร์
Douglas Murray McGregor (1906 -1964) เขาเกิดปี1906 ในเมืองชายแดนที่คึกคักของดีทรอยต์,
มิชิแกนเมื่อเขาเรียน High School เขาไดเ้ล่นเปียโน และทำงานเป็นเสมียนกลางคืนที่สถาบัน the McGregorไปด้วย สถาบันthe McGregor เป็นสถาบันขอครอบครัวเขา ที่มีพนักงานชั่วคราวกว่า100คน
อายุ17เขาได้เข้าเรียนในระดับปริญญาจิตวิทยาที่วิทยาลัยWayne State University เมืองดีทรอยต์
อายุ 19 เขาตัดสินใจพักการเรียน เพื่อแต่งงาน และเป็นผู้ดูแลสถานีน้ำมันในฟัฟฟาโล
ปี 1930 เขาได้ย้ายสถานีน้ำมันให้มีมากข้ึน
ปี 1932 เขาไดย้ายไปศึกษาต่อที่ Cambridge, Massachusetts
ปี 1935 เขาได้ศึกษาที่ฮาวาร์ดศึกษาต่อ MA และปริญญาเอกทางจิตวิทยา หลังจากเรียนจบแล้วเขาก็ได้อยู่เป็นอาจารยส์อนจิตวทิยาที่ฮาวาร์ดต่ออีก2ปี จากั้นมาสอนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซทหรือMIT ฐานะอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยา เนื่องจากตำแหน่งที่เพิ่มข้ึนทำให้เขาย้ายเข้ามาเป็นศาสตราจารย์สอนทางจิตวิทยาและเป็นผู้บริหารหารระดับสูงในส่วนของแผนกความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรมของ MIT และในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักจิตวิทยาสังคม
ปี 1947 เมื่อเขาอายุได้41 เขาได้กลายเป็นประธานของวิทยาลัย Antitioch
ปี 1960 ชื่อของเขาเป็นที่รู้จกัจากการเข้าไปเชื่อมโยงกับทฤษฎีY ที่เขาได้กล่าวไว้นในหนังสือเรื่อง
“Managing the Human Side of Enterprise”
ในช่วงฤดูร้อน ปี1964 เขาได้ใช้เวลาเขียนต้นฉบับซึ่งถูกตีพิมพ์หลังจากเขาตายในเดือนตุลาคมชื่อ เรื่อง
“The Professional Manager ” แม้ว่า Douglas McGregor จะหัวใจวายตายอย่างกระทันด้วยอายุแค่58ปีแต่ Douglas McGregor 4
ทฤษฎีไม้แข็ง (X Theory) และทฤษฎีไม้นวม (Y Theory )
ของเขาก็ยงัเป็นที่ความคิดก็ทำให้เขาได้ข้ึนชื่อว่าป็น"ผู้บุกเบิกการบริหารจัดการ" ผู้คิดค้นทฤษฎี X และทฤษฎีY
ทฤษฎี X (Theory X) คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควรใช้มาตรการบังคับ มีระเบียบ
กฎเกณฑ์คอยกำกับ มีการควบคุมการทำงานอย่างใกลชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก
ทฤษฎี Y (Theory Y) คือคนประเภทขยัน ควรมีการกา หนดหน้าที่การงานที่เหมาะสม
ท้าทายความสามารถ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสใหม้ีส่วนร่วมในการ
บริหารงาน
1.www.historiadaadministracao.com.
2. www.runan6.com
3. http://webhost.tsu.ac.th
4. หนังสือจิตวิทยาอุตสาหกรรม
5. หนังสือ “The Human Side of Enterprise”
6. www.guru.google.co.th
7. www.pondza7.blog
8. www.idis.ru.th
9. www.gotoknow.org
10. www.novablzz.com
ทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของแมคเกรเกอร์
แมคเกรเกอร์ (McGregor, 1960) เป็นเป็นศาสตราจารย์วิชาการบริหาร ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเสทส์ สหรัฐอเมริกา เขาทำการศึกษาวิจัยพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ วิชาการบริหาร ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเสทส์ สหรัฐอเมริกา เขาทำการศึกษาวิจัยพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ ชี้ให้เห็นถึงแบบของการบริหาร 2 แบบ คือ ทฤษฎี X ซึ่งมีลักษณะเป็นเผด็จการ และทฤษฎี Y หรือการมีส่วนร่วม แต่ละแบบเกี่ยวข้องกับสมมุติฐานที่มีต่อลักษณะของมนุษย์ดังนี้
ผู้บริหารแบบทฤษฎี X เชื่อว่า
1. มนุษย์โดยทั่วไปไม่ชองการทำงาน และพยายามหลีกเลี่ยงงานถ้าสามารถทำได้
2. เนื่องจากการไม่ชอบทำงานของมนุษย์ มนุษย์จึงถูกควบคุม บังคับ หรือข่มขู่ให้ทำงาน ชอบให้สั่งการและใช้วิธีการลงโทษ เพื่อให้ใช้ความพยายามได้เพียงพอ และบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
3. มนุษย์โดยทั่วไปพอใจกับการชี้แนะสั่งการหรือการถูกบังคับ ต้องการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ มีความทะเยอทะยานน้อย และต้องการความมั่นคงมากที่สุด ผู้บริหารตามทฤษฎี X จึงต้องสร้างแรงจูงใจโดยการข่มขู่ และลงโทษ เพื่อทำให้ลูกน้องใช้ความพยายามให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์การ
ผู้บริหารแบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า
1. การทำงานเป็นการตอบสนองความพอใจ
2. การข่มขู่ด้วยวิธีการลงโทษไม่ได้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจูงใจให้คนทำงาน บุคคลที่ผูกพันกับการบรรลุถึงความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์การ จะมีแรงจูงใจด้วยตนเองและควบคุมตนเอง
3. ความผูกพันของบุคคลที่มีต่อเป้าหมายขึ้นอยู่กับรางวัล และผลตอบแทนที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้รับเมื่อเป้าหมายบรรลุถึงความสำเร็จ
4. ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน เป็นการจูงใจให้บุคคลอมรับและแสวงหาความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน
ทฤษฎี Y เน้นถึงการพัฒนาตนเองของมนุษย์ ชี้ให้เห็นว่ามนุษย์นั้นรู้จักตัวเองได้ถูกต้อง รู้จักความสามารถของตนเอง ผู้บริหารควรสร้างแรงจูงใจโดยการสร้างสรรค์สถานการณ์ที่จะทำให้สมาชิกมีความรู้สึกรับผิดชอบ และมีส่วนร่วมในการทำงาน ในการบริหารนั้น มีการนำทฤษฎีเชิงจิตวิทยามาใช้จำนวนมาก เพราะการบริหารเป็นการทำงานกับ “คน” และทฤษฎีจิตวิทยาก็พูดเรื่อง “คน” การศึกษาทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวกับการควบคุมกำกับพฤติกรรมของมนุษย์ การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และภาวะผู้นำ จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริหาร Donglas Mc Gregor ได้ค้นพบแนวคิด “พฤติกรรมองค์การ” และสรุปว่า กิจกรรมการบริหารจัดการล้วนมีสาเหตุรากฐานมาจากทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์ (human behaviors) ซึ่งเป็นไปตามกรอบทฤษฎี X และทฤษฎี Y คือ
ทฤษฎี X (Theory X) คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควรใช้มาตรการบังคับ มีระเบียบกฎเกณฑ์คอยกำกับ มีการควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก
ทฤษฎี Y (Theory Y) คือคนประเภทขยัน ควรมีการกำหนดหน้าที่การงานที่เหมาะสม ท้าทายความสามารถ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการบริหารงาน
สรุป Donglas Mc Gregor เห็นว่าคนมี 2 ประเภท และการบริหารคนทั้ง 2 ประเภท ต้องใช้วิธีการบริหารแตกต่างกัน
บรรณานุกรมเพิ่มเติ่ม
McGregor, Douglas M. (1960). The Human Side of Enterprise. New York: McGraw-Hill Book Company.
ข้อสมมุติเกี่ยวกับทฤษฎี X และทฤษฎี Y ของแมคเกรเกอร์
William G. Ouchi
วิลเลี่ยม โออุชิ เป็นศาสตราจารย์ใน University of California at Los Angeles (UCLA)
ทฤษฎี Z เป็นทฤษฎีทางการบริหารธุรกิจที่เกิดขึ้นจากผลกระทบระหว่างระบบการบริหารธุรกิจแบบญี่ปุ่นและ
อมริกา
ทฤษฎี Z เป็นทฤษฎีทางการบริหารธุรกิจที่เกิดขึ้นจากผลกระทบระหว่างระบบการบริหารธุรกิจแบบญี่ปุ่นและ
อมริกา
ทฤษฎีของ Z ของ Ouchi (Ouchi’s Theory Z) เป็นทฤษฎีอธิบายโครงสร้างตามการจัดการผสมผสานระหว่างการบริหารแบบสหรัฐอเมริกาหรือ Theory A กับการบริหารแบบญี่ปุ่น หรือ Theory Jคือ
§ ทฤษฎี A เป็นแนวความคิดการจัดการของสหรัฐอเมริกาซึ่งองค์การเน้นการจ้างงานระยะสั้น พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การน้อย
§ ทฤษฎี J เป็นแนวความคิดการจัดการของญี่ปุ่นซึ่งองค์การเป็นการจ้างงานตลอดชีพ พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การสูง
§ ทฤษฎี Z เป็นแนวความคิดการจัดการประสมประสาน ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาโดยเน้นการจ้างงานระยะยาวมีการตัดสินใจและความรับผิดชอบร่วมกัน
ลักษณะ
|
ระบบอเมริกา
|
ระบบญี่ปุ่น
| |
1. ระยะเวลา
จ้าง
2. ลักษณะ
อาชีพ
3. การเลื่อน
ตำแหน่ง
4. ประเมิน
ประสิทธิภาพ
5. การตัด
สินใจ
6. ความรับ
ผิดชอบ
7. ความ
สัมพันธ์
|
- มีการย้ายงานบ่อย สัญญาจ้าง
หมดก็เลิกจ้าง พนักงานต้อง
ไปหางานใหม่ ถือว่ามีประสบ
การณ์สูง
- ส่งเสริมให้มีความรู้เฉพาะด้าน
- มีการประเมินผลและเลื่อน
แหน่งในเวลาอันสั้น
- ให้รางวัลตามผลงานของแต่ละ
บุคคลที่ทำได้
- การตัดสินใจจะทำเฉพาะกลุ่ม
ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น
- คนรับผิดชอบเฉพาะหน้าที่
ของตนเท่านั้น
- นายจ้างลูกจ้างมีโอกาสใน
ความสัมพันธ์ต่อเมื่อทำงาน
ร่วมกันเท่านั้น
|
- มีการจ้างตลอดชีวิตจะออกจากงานเมื่อ
มีความผิดทางอาญา และออกจากงาน
แล้วจะหางานยาก
- ครบเกษียณจะได้บำเหน็จจำนวนมาก
- ไม่ส่งเสริมให้มีความรู้พิเศษแต่จะต้อง
เรียนรู้ในทุกด้านของกิจการ
- ใช้เวลาในการประเมินผลเพื่อ
เลื่อนตำแหน่งประมาณ 10 ปี
- จะประเมินทั้งบริษัทไม่ประเมินเป็น
รายบุคคล การให้รางวัลยึดส่วนรวม
เป็นหลัก
- การตัดสินใจทุกคนมีส่วนร่วม
โดยพิจารณาจากความเห็นส่วนใหญ่
- ร่วมรับผิดชอบกันทั้งหน่วยงาน
หรือทั้งบริษัท
- นายจ้างและครอบครัวลูกจ้าง
มีความสัมพันธ์ดีเสมือนหนึ่ง
ครอบครัวเดียวกัน
| |
คุณลักษณะที่สำคัญของทฤษฎี Z คือ
1. ระยะเวลาจ้างงานเป็นไปตลอดชีวิต
2. ลักษณะงานอาชีพต้องให้เรียนรู้หลาย ๆ ด้าน
3. การเลื่อนตำแหน่งไม่จำเป็นรอระยะเวลา 10 ปี
4. การประเมินประสิทธิภาพของการทำงานเป็นการทำงานเป็นทีม
5. การตัดสินใจ มีการกระจายอำนาจและรวมอำนาจตามสถานการณ์
6. มนุษย์สัมพันธ์ในองค์การมีเสรีภาพเท่าเทียมกัน มีอิสระในความคิดของตนเอง
7. การบริหาร ใช้ระบบ M.B.O. แบบมีส่วนร่วม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น